วันนี้(5เม.ย.) นายสาธิต รังคสิริ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ในช่วงการยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา มียอดของผู้ขอใช้สิทธิในการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากการซื้อบ้านหลังแรก โดยยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หรือภ.ง.ด. 90 และ ภ.ง.ด. 91 ประจำปี 54 เข้ามากว่า 11,000 ราย รวมมูลค่าบ้านกว่า 14,345 ล้านบาท และคิดเป็นเงินภาษีที่กรมสรรพากรยกเว้นให้กว่า 260 ล้านบาท อีกทั้งคาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นอีกในปีภาษีถัดไป

“โครงการยกเว้นภาษีเงินได้บ้านหลังแรกนั้น เพิ่งเป็นช่วงเริ่มต้นโครงการเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ประกอบกับเกิดภาวะน้ำท่วม ทำให้มีผู้เข้าร่วมโครงการดังกล่าวน้อยอยู่ จึงถือว่าเป็นเวลาที่ยังสั้นมาก และจากนี้ไปยังมีเวลาอีกมากในการใช้สิทธิมาขอลดหย่อนภาษี และเชื่อว่าปีนี้เป็นต้นไปยอดผู้ขอใช้สิทธิดังกล่าวจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ”

ขณะนี้กรมสรรพากรได้ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการขอใช้ประโยชน์ข้อมูลเกี่ยวกับการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมซ้อขายอสังหาริมทรัพย์ กับกรมที่ดิน ซึ่งทำให้กรมสรรพากรสามารถใช้ข้อมูลจากการทำธุรกรรมการซื้อขายที่ดินของประชาชนและผู้ประกอบการได้ เช่น วัน เวลา และราคาทุนทรัพย์การจดทะเบียนทำนิติกรรม เป็นต้น นับเป็นประโยชน์แก่ประชาชน โดยเฉพาะผู้ที่ขอใช้สิทธิการขอยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากการซื้อบ้านหลังแรกง

ส่วนกรณีที่กระทรวงการคลัง อาจจะออกมาตรการให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำวันละ 300 บาท ใช้ส่วนต่างของต้นทุนค่าแรงที่เพิ่มสูงขึ้นมาเป็นส่วนต่างในการหักลดหย่อนภาษีนั้น กรมฯ ได้ทำร่างกฎหมาย รวมทั้งรายละเอียดต่าง ๆ เสนอให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.)พิจารณาและเสนอเรื่องต่อไปยังครม.แล้ว

“หากต้องลดภาษีในส่วนนี้ให้เอสเอ็มอี ก็ไม่กระทบต่อเป้าหมายการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพากร ซึ่งขณะนี้ยังสามารถจัดเก็บได้เกินเป้าหมายจากปีก่อน 10-15% อยู่ หรือ 15,000 ล้านบาท เพราะการขึ้นค่าแรงงาน 300 บาทนั้น แม้ว่าคนกลุ่มนี้จะไม่ได้เสียภาษีให้รัฐอยู่ดี แต่จากการที่มีกำลังซื้อมากขึ้น ทำให้สามารถจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) ได้มากขึ้นด้วย”

นายอนุวัฒน์ เมธีวิบูลวุฒิ อธิบดีกรมที่ดิน กล่าวว่า ปีที่ผ่านมากรมที่ดินได้ส่งเงินภาษีให้กรมสรรพากร 20,000 ล้านบาท และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นทุกปี ขณะเดียวกันการที่กรมธนารักษ์ได้ประกาศใช้ราคาประเมินที่ดินเดิมออกไปก่อนนั้น มีผลดีต่อตลาดการซื้อขายบ้านและที่ดินในช่วงหลังภาวะน้ำท่วมอย่างมาก โดยคาดว่าครึ่งปีแรกนี้จะเก็บรายได้ถึง 30,000 ล้านบาท และเมื่อเปลี่ยนราคาประเมินใหม่แล้ว จะเก็บได้เพิ่มขึ้นเป็น 35,000 ล้านบาท