วันอังคารที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2555

เปิดหลักเกณฑ์ "บ้านหลังแรก-รถยนต์คันแรก" คลังจ่อชงครม. อุตฯรถยนต์ตีปีกคาดขายเพิ่มกระฉูด5แสนคัน



เริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้วสำหรับนโยบาย"ประชานิยม"ของรัฐบาลเพื่อไทย  โดยเฉพาะเรื่องที่ประชาชน คนทำงานที่เป็น"มนุษย์เงินเดือน"เฝ้ารอ  คือบ้านหลังแรกกับรถยนต์คันแรก ที่จะได้สิทธิลดหย่อนภาษี



ล่าสุดในส่วนของบ้านหลังแรกนั้น เมื่อวันที่11ก.ย.ที่ผ่านมา  นายสาธิต รังคสิริ อธิบดีกรมสรรพากร ออกมาเปิดเผยหลักเกณฑ์โครงการดังกล่าวว่า จะต้องเป็นบ้านราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท เพิ่มจากก่อนหน้านี้ที่ระบุว่าราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท และสามารถหักลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 3 แสนบาท เป็นระยะเวลา 5 ปี แต่ผู้ที่จะได้สิทธิ์ต้องอยู่ใน"ระบบภาษี"ที่เป็นผู้ซื้อบ้านหลังแรกเท่านั้น 

ส่วนวงเงิน 3 แสนบาทที่นำมาหักลดหย่อนนั้น จะเป็นการทยอยหักลดเป็นระยะเวลา 5 ปี หรือปีละ 6 หมื่นบาท ซึ่งทางสรรพากรจะนำรายละเอียดเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีโดยเร็วที่สุด แต่ยังไม่ระบุว่าจะเป็นวันไหน

ทั้งนี้กรมสรรพากรคาดว่า จากนโยบายดังกล่าวจะทำให้รายได้ของกรมสรรพากรหายไปประมาณ 1 พันล้านบาท ซึ่งในปีงบประมาณ 2554 ที่กำลังจะสิ้นสุดปลายเดือนก.ย.นี้ คาดว่าจะสามารถจัดเก็บภาษีได้รวม 1.4-1.5 ล้านล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าประมาณร้อยละ 20.5  ซึ่งไม่กระทบต่อรายได้ของสรรพากร

ปัจจุบัน มีผู้ยื่นแบบภาษีบุคคลธรรมดาประมาณ 10 ล้านคน มีผู้ยื่นแบบและเสียภาษีจำนวน 2 ล้านคนเท่านั้น ซึ่งคนกลุ่มนี้ จะได้สิทธิ์นโยบายบ้านหลังแรก และสามารถนำรายจ่ายค่าซื้อบ้านมาหักลดหย่อนได้ในช่วงปลายปี หรือช่วงการยื่นภาษีได้

ส่วนความเคลื่อนไหวของรถยนต์คันแรก ล่าสุดนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ออกมาเปิดเผยว่าเปิดเผยว่า กระทรวงการคลัง ได้เสนอมาตรการลดภาระภาษีรถยนต์คันแรกไปยังสำนักงานรัฐมนตรี เพื่อรอบรรจุเข้าวาระการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว โดยหลักการได้ขยายให้ครอบคลุมผู้มีรายได้น้อยมากขึ้น จากเดิมที่ให้สิทธิเฉพาะผู้ซื้อรถยนต์อีโคคาร์และรถปิกอัพ ตามที่รัฐบาลต้องการสนับสนุนให้มีการลงทุน และเน้นที่รถประหยัดพลังงานเท่านั้น เป็นให้สามารถซื้อรถยนต์ประเภทใดก็ได้ที่ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท โดยจะให้สิทธิลดหย่อนภาษีสรรพสามิตในอัตราตามจริง แต่ไม่เกิน 1 แสนบาท

ทั้งนี้ วิธีการให้สิทธิประโยชน์จะออกแบบให้บุคคลที่ใช้สิทธิซื้อรถยนต์ในราคาเต็มรวมภาษี มาใช้สิทธิขอคืนภาษีในภายหลัง ซึ่งจะไม่ทำให้รถยนต์มีราคาลดลงในทันที แต่จะได้สิทธิลดภาระภาษีในเวลา 1-3 ปี ขึ้นกับการตัดสินใจของที่ประชุม ครม. แต่ไม่ว่าจะออกมารูปแบบใด ผู้ซื้อก็จะได้รับประโยชน์เท่าเทียมกัน แต่ส่วนตัวมองว่าไม่ควรใช้สิทธิลดภาระภาษีภายใน 1 ปี เพราะอาจมีปัญหาเรื่องการขายต่ออย่างรวดเร็วหรือมีการสวมสิทธิ โอนลอย


สาเหตุที่เปลี่ยนแปลงรูปแบบจากการหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดามาเป็นภาษีสรรพสามิต เพราะจะมีความสะดวกและชัดเจนที่คืนภาษีสรรพสามิตในฐานะที่จัดเก็บภาษีรถยนต์อยู่แล้ว และทุกคนจะได้รับประโยชน์จากมาตรการดังกล่าว ไม่เฉพาะผู้ที่อยู่ในระบบภาษีสรรพากรเท่านั้นŽ

ก่อนหน้านี้นายบุญทรง ประเมินว่ามาตรการดังกล่าวน่าจะทำให้ประชาชนซื้อรถเพิ่มขึ้นถึง 5 แสนคัน  เท่ากับช่วยผู้ประกอบการด้นอุตสาหกรรมรถยนต์ทางอ้อมด้วย

ด้าน นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์  อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังเตรียมนำเรื่องการคืนเงินภาษี 1 แสนบาทสำหรับผู้ที่รถคันแรกเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ( ครม. ) ในวันพรุ่งนี้(13 ก.ย.) โดยมีสาระสำคัญคือ ผู้ซื้อต้องเป็นผู้ที่บรรลุนิติภาวะแล้ว โดยมีอายุตั้งแต่ 21 ปีขึ้นไป และต้องซื้อรถใหม่ที่มีราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท แยกเป็น 2 กรณีคือรถยนต์นั่งทุกยี่ห้อ เครื่องยนต์ไม่เกิน 1,500 ซีซี และรถกระบะ ไม่จำกัดซีซี โดยต้องซื้อก่อนวันที่ 30 ธ.ค. 2554 เพื่อขอรับสิทธิ์เป็นเช็คมูลค่าไม่เกิน 1 แสนบาทภายใน 1 ปีหลังจากวันที่ซื้อ
อย่างไรก็ตามมีเงื่อนไขว่า ผู้ซื้อต้องถือครองรถ หรือห้ามโอนเปลื่ยนมือภายใน 5 ปี

ดูเหมือนว่ารัฐบาลกำลังเร่งคลอดมาตรการดังกล่าวให้ออกมาโดยเร็ว เพราะผู้ประกอบการทั้งอสังหาฯและรถยนต์สะท้อนภาพที่เกิดขึ้นแล้วว่า กำลังซื้อบ้านและรถยนต์ช่วงนี้ชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด ประชาชนทั้งรอโอนและรอซื้อรถเพื่อรอมาตรการที่ชัดเจนจากรัฐบาล

มิเช่นนั้น เดี๋ยวจะถูกโจมตีว่า"รัฐบาลขี้โม้" เหมือนขึ้นค่าแรง300บาทและเงินเดือนป.ตรี 15,000บาท ที่ยังไม่เรียบร้อย

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Block

Enter Block content here...


Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipiscing elit. Etiam pharetra, tellus sit amet congue vulputate, nisi erat iaculis nibh, vitae feugiat sapien ante eget mauris.

New Block


ขับเคลื่อนโดย Blogger.